น้ํา มัน จาก พืช
อุตสาหกรรมน้ำมันพืช (Vegetable Oil) อุตสาหกรรมน้ำมันพืชเกิดขึ้นมานานนับหลายสิบปีในประเทศไทย ซึ่งเดิมเป็นโรงงานขนาดเล็กหรือทำเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน ต่อมาได้มีการพัฒนาวิธีการสกัดและกลั่นทันสมัย จึงได้มีการตั้งโรงงานผลิตน้ำมันพืชขนาดกลางและขนาดใหญ่มากมาย น้ำมันพืชเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญในการประกอบอาหารโดยตรง และใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมผลิตสบู่ ผลิตภัณฑ์นม ไอศกรีม และน้ำมันหล่อลื่น น้ำมันพืชที่ทำการผลิตในปัจจุบัน สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. น้ำมันพืชสำหรับการบริโภคโดยตรง เช่น น้ำมันจากถั่วเหลือง ถั่วลิสง รำข้าว เมล็ดนุ่น เมล็ดฝ้าย เมล็ดทานตะวัน เมล็ดของผลมะกอก 2. น้ำมันพืชสำหรับอุตสาหกรรม ได้แก่ น้ำมันละหุ่ง น้ำมันจากเมล็ดยางพารา 3. น้ำมันพืชสำหรับบริโภคและสำหรับอุตสาหกรรม ได้แก่ น้ำมันมะพร้าว น้ำมัน ปาล์ม น้ำมันข้าวโพด วัตถุดิบในการผลิตน้ำมันพืช 1. น้ำมันจากส่วนผลของไม้ยืนต้น ได้แก่ น้ำมันมะกอก (olive oil) น้ำมันปาล์ม (palm oil) 2. น้ำมันจากส่วนของเมล็ดของไม้ยืนต้น ได้แก่ น้ำมันมะพร้าว (coconut oil) น้ำมันเมล็ดนุ่น (kapok seed oil) 3. น้ำมันจากส่วนเมล็ดของพืชล้มลุก ได้แก่ น้ำมันเมล็ดฝ้าย (cotton seed oil) น้ำมันถั่วเหลือง (soybean oil) น้ำมันงา (sesame oil) น้ำมันถั่วลิสง (peanut oil) น้ำมันเมล็ดทานตะวัน (sunflower seed oil) น้ำมันเมล็ดดอกคำฝอย (safflower seed oil) และน้ำมันรำข้าว (rice bran oil) การผลิตน้ำมันพืช ขั้นตอนการผลิตน้ำมันพืช ประกอบด้วย การสกัดน้ำมันจากเมล็ดพืช และการทำน้ำมันให้บริสุทธิ์ หรือการปรับปรุงคุณภาพ 1.
- 5.เชื้อเพลิงจากพืชน้ำมัน - Biodesel พลังงงานทดแทน
- จำหน่ายน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ สกัดจากพืชธรรมชาติ 100%
- สาธิตการสกัดน้ำมันจากพืชสมุนไพร (ตามแบบของ อจ.เดชา ศิริภัทร) - YouTube
- น้ำมันไบโอดีเซล
- การสกัดน้ำมันหอมระเหย - อโรมาฮับ
5.เชื้อเพลิงจากพืชน้ำมัน - Biodesel พลังงงานทดแทน
Grapefruit ( Citrus paradisi - Italy) เกรฟฟรุตเป็นไม้ผลตระกูลส้ม น้ำมันหอมระเหยได้มาจากผิวของผลเกรฟฟรุต มีคุณสมบัติในการให้ความสดชื่น ตื่นตัว ช่วยกระตุ้นพลังและแก้อาการซึมเศร้าได้ดี มีคุณสมบัติทางสุขภาพในการนำไปผสมกับน้ำมันนวดตัวเพื่อช่วยขจัดเซลลูไลต์ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด นำไปนวดบริเวณท้องเพื่อช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร เข้ากันได้ดีกับน้ำมันหอมระเหย ลาเวนเดอร์, ซีดาร์วูด และเจอร์เรเนี่ยม เนื่องจาก เกรฟฟรุตอยู่ในกลุ่ม Citrus จึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดดหลังใช้เป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง 8. Lemon ( Citrus limon - Spain) น้ำมันหอมระเหยเลมอนมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของผิวมะนาวฝรั่ง ให้ความรู้สึกสดชื่นมีพลัง คลายอาการซึมเศร้า มีคุณสมบัติทั่ว ๆ ไปคล้ายคลึงกับน้ำมันหอมระเหยอื่น ๆ ในตระกูลซิทรัส มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียและป้องกันการแพร่เชื้อโรค สามารถนำไปกระจายกลิ่นในห้องเพื่อความสดชื่นและความรู้สึกสมดุลของจิตใจ และดับช่วยกลิ่นต่าง ๆ เช่น อาหารหรือควันบุหรี่ สามารถนำไปเจือจางเพื่อใช้นวดผิวหน้าเพื่อปรับสภาพผิวมัน กระชับผิวและรูขุมขนได้ดี เหมาะสำหรับผู้มีผิวมัน 9. Lemongrass ( Cymbopogon citratus - Thailand) เลมอนกราส หรือน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้บ้าน มีกลิ่นหอมแตกต่างกับ Citronella คือมีกลิ่นหอมที่นุ่มอ่อนละมุนกว่า สามารถนำไปใช้กับเตาน้ำมันหอมระเหยเพื่อช่วยให้อากาศสดชื่น ดับกลิ่นอับในห้องและไล่แมลงต่าง ๆ ได้ดี มีคุณสมบัติในการรักษาอาการเมื่อยล้ากล้ามเนื้อและข้อ มีสรรพคุณช่วยปรับสภาพและกระชับผิวสำหรับผู้ที่มีผิวมัน ใช้นวดบริเวณท้องเพื่อช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร เข้ากันได้ดีกับ ยูคาลิปตัส, เจอเรเนี่ยม, ลาเวนเดอร์ และจูนิเพอร์เบอร์รี่ 10.
คำเตือน สินค้าที่เป็นวัตถุดิบเครื่องสำอาง หรืออาหารเสริม ห้ามใช้กับผิว หรือรับประทานโดยตรง ผู้ผลิตจะต้องขึ้นทะเบียน อ. ย. โดยกรุณาขอเอกสารจากทางบริษัทเพื่อใช้ขึ้นทะเบียน อ. ก่อนการจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จ
จำหน่ายน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ สกัดจากพืชธรรมชาติ 100%
ศ. ๒๕๓๐ ทั่วโลกผลิตน้ำมันพืชได้ ๕๒ ล้านตัน ซึ่งเป็นน้ำมันถั่วเหลือง ๑๖ ล้านตัน หรือประมาณร้อยละ ๓๐ รองลงไป ได้แก่ น้ำมันปาล์ม จำนวน ๘ ล้านตัน หรือประมาณร้อยละ ๑๕ น้ำมันพืชที่ผลิตได้ทั้งหมด ใช้บริโภคภายในประเทศผู้ผลิต ๓๕ ล้านตัน เหลือส่งออกจำหน่ายในตลาดโลก ๑๗ ล้านตัน คาดว่า ในอนาคตการผลิตน้ำมันพืชจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น เพื่อสนองความต้องการของประชากร ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น สำหรับประเทศไทย พืชน้ำมันที่สำคัญ ได้แก่ ปาล์ม ถั่วเหลือง มะพร้าว ถั่วลิสง งา และ ละหุ่ง ในปี พ. ๒๕๒๐ ประเทศไทยสามารถผลิตน้ำมันพืชได้ในปริมาณ ๗๘, ๐๐๐ ตัน และเพิ่มขึ้นเป็น ๒๕๒, ๑๐๐ ตัน ในปี พ. ๒๕๓๑ มีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒ ต่อปี โดยน้ำมันปาล์มมีส่วนแบ่งร้อยละ ๕๐ รองลงไป ได้แก่ น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันมะพร้าว ซึ่งมีส่วนแบ่งร้อยละ ๒๐ และ ๑๕ ตามลำดับ นอกจากพืชน้ำมันที่กล่าวมาแล้ว ยังได้นำเอาเมล็ดฝ้าย เมล็ดนุ่น รำข้าว มาสกัดน้ำมัน เป็นผลพลอยได้ ในด้านการบริโภคในประเทศก็มีปริมาณเพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่น ในปี พ. ๒๕๒๐ มีปริมาณการใช้น้ำมันพืช ๙๔, ๐๐๐ ตัน ซึ่งเป็นการนำเข้ามาจากต่างประเทศจำนวน ๑๖, ๐๐๐ ตัน ในปี พ. ๒๕๓๐ ปริมาณการใช้น้ำมันพืชเพิ่มขึ้นเป็น ๒๕๕, ๐๐๐ ตัน หรือเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ ๘.
ศ. 2547) และฉบับที่ 347 (พ.
สาธิตการสกัดน้ำมันจากพืชสมุนไพร (ตามแบบของ อจ.เดชา ศิริภัทร) - YouTube
น้ำมันไขมันจากสัตว์ หรือ น้ำมันพืช อะไรดีกว่ากัน เป็นที่ถกเถียง กันหน้าดำคร่ำเครียดมานานว่าการรับประทานน้ำมันแบบไหนที่จะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่ากัน ความเชื่อในยุคเก่า อาจจะเชื่อว่าน้ำมันพืชเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าการที่รับประทานน้ำมันจากไขมันสัตว์ แต่ความเชื่อที่ว่านี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า?
การสกัดน้ำมันพืช ทำได้ 2 วิธีคือ การบีบอัด (mechanical expression) โดยใช้เครื่องบีบอัดด้วยแรงสูง นิยมใช้กับเมล็ดพืชที่มีปริมาณน้ำมันมาก เช่น ถั่วลิสง รำข้าว เป็นต้น และการสกัดด้วยตัวทำลาย หรือการสกัดทั้ง 2 วิธีควบคู่กัน ตัวทำละลาย ได้แก่ เฮกเซนอะซิโทน ไซโครเฮกเซน เอธิลเมธิลคีโทน ตัวที่นิยมใช้มากที่สุดคือ เฮกเซน สำหรับเมล็ดฝ้ายและเมล็ดทานตะวันนิยมใช้การสกัด 2 วิธีควบคู่ เพื่อให้ผลผลิตสูง สำหรับวิธีการสกัดน้ำมันพืชจะขึ้นอยู่กับชนิดของวัตถุดิบที่ใช้ ได้แก่ 1. 1 การสกัดน้ำมันจากถั่วเหลือง วิธีการคือ นำถั่วเหลืองมาล้างและบีบให้แตก จากนั้นนำไปผ่านความร้อนโดยใช้การถ่ายเทความร้อนจากไอน้ำ จากนั้นนำไปรีดให้แบนให้มีความหนาประมาณ 0.
น้ำมันไบโอดีเซล
ศ. ๒๕๓๐ ทั่วโลกผลิตน้ำมันพืชได้ ๕๒ ล้านตัน ซึ่งเป็นน้ำมันถั่วเหลือง ๑๖ ล้านตัน หรือประมาณร้อยละ ๓๐ รองลงไป ได้แก่ น้ำมันปาล์ม จำนวน ๘ ล้านตัน หรือประมาณร้อยละ ๑๕ น้ำมันพืชที่ผลิตได้ทั้งหมด ใช้บริโภคภายในประเทศผู้ผลิต ๓๕ ล้านตัน เหลือส่งออกจำหน่ายในตลาดโลก ๑๗ ล้านตัน คาดว่า ในอนาคตการผลิตน้ำมันพืชจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น เพื่อสนองความต้องการของประชากร ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น สำหรับประเทศไทย พืชน้ำมันที่สำคัญ ได้แก่ ปาล์ม ถั่วเหลือง มะพร้าว ถั่วลิสง งา และ ละหุ่ง ในปี พ. ๒๕๒๐ ประเทศไทยสามารถผลิตน้ำมันพืชได้ในปริมาณ ๗๘, ๐๐๐ ตัน และเพิ่มขึ้นเป็น ๒๕๒, ๑๐๐ ตัน ในปี พ. ๒๕๓๑ มีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒ ต่อปี โดยน้ำมันปาล์มมีส่วนแบ่งร้อยละ ๕๐ รองลงไป ได้แก่ น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันมะพร้าว ซึ่งมีส่วนแบ่งร้อยละ ๒๐ และ ๑๕ ตามลำดับ นอกจากพืชน้ำมันที่กล่าวมาแล้ว ยังได้นำเอาเมล็ดฝ้าย เมล็ดนุ่น รำข้าว มาสกัดน้ำมัน เป็นผลพลอยได้ ในด้านการบริโภคในประเทศก็มีปริมาณเพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่น ในปี พ. ๒๕๒๐ มีปริมาณการใช้น้ำมันพืช ๙๔, ๐๐๐ ตัน ซึ่งเป็นการนำเข้ามาจากต่างประเทศจำนวน ๑๖, ๐๐๐ ตัน ในปี พ. ๒๕๓๐ ปริมาณการใช้น้ำมันพืชเพิ่มขึ้นเป็น ๒๕๕, ๐๐๐ ตัน หรือเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ ๘.
การสกัดน้ำมันหอมระเหย - อโรมาฮับ
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ - ระบบทางเดินปัสสาวะ | โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
- เกษตรรีวิว – Four Farm
- 5.เชื้อเพลิงจากพืชน้ำมัน - Biodesel พลังงงานทดแทน
4 – 37. 0 องศาเซลเซียส น้ำมันพืชที่มีกรดไขมันเชิงซ้อนต่ำ เช่น น้ำมันปาล์มโอเลอิน จึงไม่เป็นไขในร่างกาย เพราะอุณหภูมิเกิดไขของน้ำมันปาล์มต้องต่ำกว่า 27 องศาเซลเซียส และน้ำมันมะพร้าว ประมาณ 24 องศาเซลเซียส คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า "ไขน้ำมัน คือ โคเลสเตอรอล" จากงานวิจัยพบว่าน้ำมันพืช ก็มีโคเลสเตอรอล เพราะมันเป็นส่วนประกอบของเมมเบรน (membrane) แต่มีน้อยมาก เมื่อเทียบกับน้ำมันจากสัตว์ที่มีถึง 5 ก/กก. หรือมากกว่า อาทิ น้ำมันงา มีพียง 1 มก. /กก. น้ำมันมะกอกมี 0. 5-2 มก. น้ำมันมะพร้าวมี 14 มก. น้ำมันเมล็ดทานตะวันมี 14 มก. น้ำมันปาล์มมี 16 มก. น้ำมันถั่วลิงมี 24 มก. น้ำมันถั่วเหลืองมี 29 มก. น้ำมันเมล็ดฝ้ายมี 45 มก. น้ำมันคาโนลา มี 53มก. และน้ำมันข้าวโพดมี 55 มก. /กก. ดังนั้น ตามข้อกำหนดของ FDA ปริมาณโคเลสเตอรอลที่น้อยกว่า 2 มก. /1 ครั้งการบริโภค หรือประมาณ 15 มล.
ประไพภัทร คลังทรัพย์ ฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ วว. เมื่อนักเคมีวิเคราะห์สารต่างๆ ที่ทำให้เกิดกลิ่นได้สำเร็จ ก็จะสังเคราะห์กลิ่นหอมนั้นๆ ได้ ซึ่งกลิ่นสังเคราะห์จะมีราคาถูกกว่าน้ำหอมที่ผลิตจากธรรมชาติมาก ดังนั้นวงการอุตสาหกรรมจึงนำมาใช้ปรุงแต่งกลิ่นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น สบู่ แชมพู โลชั่น ผลิตภัณฑ์แต่งกลิ่นอาหาร และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ปรับอากาศ น้ำยาขัดเงา ฯลฯ เขียนโดย: ดร. ประไพภัทร คลังทรัพย์ ฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ วว. ข่าวโดย: สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว. ) เผยแพร่ข่าวโดย: นางสาวนฤมล รัตนสุวรรณ์ กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3728 - 3732 โทรสาร 0 2333 3834 e-mail: อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน Facebook: sciencethailand Call Center กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โทร. 1313